ตอบ หมายถึง สถานที่ที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและอาจหาวัตถุพยานได้ด้วยซึ่งจะทำให้ผู้ที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุสามารถอ่านสภาพของสถานที่เกิดเหตุออกมาได้ว่า ใคร ควรจะเป็นผู้กระทำความผิด ทำอย่างไรด้วยวิธีการใด เมื่อเวลาอะไรและประสงค์ต่ออะไร
ตอบ การตรวจสถานที่เกิดเหตุเป็นหัวใจของงานสืบสวนสอบสวนจะประสพความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับความละเอียดรอบคอบและปฏิบัติงานตามหลักวิชาของเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุเนื่องจากเป็นบริเวณที่ซึ่งอาชญากรมักทิ้งร่องรอยไว้เสมอ และสามารถพบพยานหลักฐานต่างๆในคดี เช่น ศพ ผู้เสียหาย วัตถุพยาน พยานบุคคล
ตอบ เพื่อตรวจเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้ได้มากที่สุดเพื่อเอาไปตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดให้ทราบถึงมูลคดีแล้วแจ้งผลให้พนักงานสอบสวนทราบ เพื่อเป็นประโยชน์ในแนวทางสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด
ตอบ ตำรวจไทยควรจัดหา จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับตรวจสถานที่เกิดเหตุ ด้วยตนเอง ดังนี้.-
ตอบ ต้องประสานงานร่วมกับแพทย์นิติเวชผู้รับผิดชอบในเขตพื้นที่ เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพ พร้อมทั้งมีการเตรียมการและมีการวางแผนการดำเนินการ เตรียมเครื่องมือการตรวจให้พร้อม เตรียมการสำหรับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากในสถานที่เกิดเหตุย่อมไม่เป็นสถานที่ปลอดภัยเสมอไป พนักงานสอบสวนจะต้องเข้าค้นหาพยานหลักฐานควรต้องทำให้เป็นระบบที่เตรียมการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการตรวจหาอาวุธและวัตถุพยาน ฯลฯ
ถ้าในสถานที่เกิดเหตุมีร่องรอยของการต่อสู้ พนักงานสอบสวนและแพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพต้องตรวจหาร่องรอยการต่อสู้ งัดแงะ ฯลฯ ในสถานที่เกิดเหตุ และต้องคอยระมัดระวังดูแลรักษาสถานที่เกิดเหตุ ไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่ข้องเกี่ยวกับคดีเข้าไปวุ่นวายภายในสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งการปล่อยบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเข้าไปวุ่นวาย อาจทำลายพยานหลักฐานที่ปรากฏในสถานที่เกิดเหตุได้โดยไม่ตั้งใจ เพราะฉะนั้นพนักงานสอบสวนต้องเข้มงวดในการกั้นสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งต้องดำเนินการเกี่ยวกับผู้บาดเจ็บหรือศพอีกด้วย
ตอบ ต้องคำนึงถึงอันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นได้เช่น อันตรายจากก๊าซพิษและไฟฟ้าลัดวงจรกรณีที่มีเพลิงไหม้ อันตรายจากรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ในรายที่เกิดอุบัติเหตุจราจร อันตรายจากการระเบิดกรณีที่มีเหตุวางระเบิดซึ่งอาจจะมีระเบิดตกค้างอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ อันตรายจากตึกถล่ม สำหรับพนักงานสอบสวนหรือแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ชันสูตรพลิกศพควรระลึกไว้เสมอว่า การตรวจที่เกิดเหตุไม่ใช่สามารถตรวจครั้งเดียวจะเสร็จสิ้นได้เสมอไป บางครั้งอาจจะต้องกลับมาตรวจเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง
ตอบ ไม่ว่าพนักงานสอบสวนหรือสืบสวนระดับชั้นยศใดก็ตาม ถ้าบังเอิญประสบเหตุหรือถูกตามให้เข้าไปในสถานที่พบศพหรือสถานที่เกิดเหตุ เป็นคนแรก ควรปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1.บันทึก วัน เวลา ที่เข้าไปในที่พบศพหรือที่เกิดเหตุ
2.เข้าที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงการอาจจะทำลายหลักฐานหรือวัตถุพยาน
3.รักษาสถานที่เกิดเหตุมิให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเป็นอันขาด
4.ถ้ามีผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนัก จะต้องพยายามตามหน่วยรักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องหรือที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อนำ ผู้บาดเจ็บไปรับการรักษาพยาบาลโดยเร็ว ถึงแม้กว่าการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บอาจจะทำลายพยานวัตถุบางอย่าง แต่เพื่อการรักษาชีวิต และถ้าเป็นไปได้ควรมีผู้ร่วมทางไปกับผู้บาดเจ็บด้วย เนื่องจากอาจจะได้ปากคำของผู้บาดเจ็บในระหว่างทาง หรือในขณะกำลังจะเสียชีวิต ซึ่งปากคำนั้นมีคุณค่าต่อการสอบสวนสืบสวนมาก
5.ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ตาย เมื่อมีศพควรพยายามที่จะไม่ทำการใดใดเกี่ยวกับศพ แต่จะต้องรายงานพนักงานสอบสวนผู้มีหน้าที่ให้ทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการเกี่ยวกับการชันสูตรตามกฎหมาย
6.รายงานผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบ หรือผู้ร่วมงาน หรือแพทย์ผู้ชันสูตร เพื่อทำการชันสูตรและขอกำลังสนับสนุน
7.บันทึกเกี่ยวกับอาวุธที่พบในที่เกิดเหตุหรือที่พบศพ ตำแหน่งที่พบ และความสัมพันธ์ของท่าทางศพกับตำแหน่งของอาวุธ
8.ในบางครั้งอาจพบผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุ ให้ดำเนินการจับกุมหรือควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อป้องกันการหลบหนี หรือการทำลายหลักฐาน โดยแจ้งให้ทราบถึงข้อกำหนดตามกฎหมาย(ต่างประเทศ) จนกว่ากำลังสนับสนุนจะมาถึง
9.สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ไปพลางก่อน มีใครบ้างในที่เกิดเหตุตอนที่พนักงานไปพบ การถามให้ถามสั้นๆเท่านั้นเพราะหน้าที่หลักคือรักษาสถานที่เกิดเหตุ ถ้ามีทั้งผู้ต้องสงสัยและพยานอยู่ในที่เกิดเหตุให้แยกที่กักตัวเท่าที่จะ ทำได้ อย่าแสดงความคิดเห็นต่อพยานหรือคนมุง แต่ให้พยายามฟังว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวนมาก ป้องกันสิ่งที่เป็นพยานไม่ให้หายไป ระหว่างรอกำลังสนับสนุนหรือผู้บังคับบัญชา การติดต่อกรณีนี้ควรใช้โทรศัพท์ เนื่องจากมีนักข่าวสื่อมวลชนจำนวนมากที่มีวิทยุของตำรวจหรือใช้คลื่นตำรวจ เพื่อป้องกันการมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชันสูตรมาอยู่ในที่เกิดเหตุมาก เกินไป
10.มอบการรักษาที่เกิดเหตุให้พนักงานสอบสวน เพื่อจะรักษาต่อไปจนกว่าการชันสูตรหรือตรวจสถานที่ ได้ทำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหมายความว่าจนกว่าการทำรายงานเกี่ยวกับสถานที่เสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายวัน
ตอบ เป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ โดยจะต้องทำการตรวจสภาพศพโดยคร่าว ๆ เท่านั้นเช่น ตรวจพบบาดแผลบนร่างกายของศพ ต้องระบุประเภทของบาดแผลว่า บาดแผลที่พบนั้นเป็นบาดแผลชนิดใด ถูกของไม่มีคม บาดแผลมีคมหรือบาดแผลที่เกิดจากกระสุนปืน รวมทั้งสรุปจำนวนบาดแผลที่ตรวจพบ
ตอบ การตรวจศพในสถานที่เกิดเหตุนั้นพนักงานสืบสวนสอบสวนควรให้ความสนใจในเรื่อง ต่อไปนี้คือ
1.ท่าทางของศพเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง และถ่ายรูปไว้ก่อนที่ขยับศพ
2.เสื้อผ้าที่ติดอยู่กับศพ ว่าอยู่ในตำแหน่งใด ถูกดึงรั้งส่วนไหน กางเกงในดึงลงมาเท่าไร มีรูทะลุเข้าบาดแผลหรือไม่ (ห้ามใช้วัตถุใดใดแยงเข้าไปในบาดแผล เพราะอาจไปทำลายหรือเพิ่มเศษสิ่งบางอย่างในแผลได้) รวมถึงการตรวจค้นตามกระเป๋าเสื้อ-กางเกง
3.จากนั้นจึงค่อยตรวจร่างกายทั่วไป หัวหันอย่างไร ตาลืม? ปากอ้า? มีน้ำ หรือของเหลวใด ที่อวัยวะหรือเสื้อผ้าส่วนใด มีบาดแผลใดบ้าง โดยเริ่มตั้งแต่ หัว ตัว แขน และขา ซึ่งการตรวจนี้ เป็นเพียงเพื่อเป็นแนวทางเท่านั้น ผลการตรวจละเอียดต้องรอจากการผ่าศพของนิติเวชแพทย์
4.เก็บรักษาบางส่วนของศพแล้วแต่กรณี เสื้อผ้าที่ใส่อยู่บนตัวศพ ห้ามถอดออก ต้องนำไปตรวจพร้อมกับศพเสมอ อาจจะต้องใช้ถุงกระดาษห่อหุ้มบางส่วนของศพเพื่อป้องกันการปนเปื้อนหรือการ สูญหายของวัตถุพยาน บางกรณีอาจจะต้องห้ามการพิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือไว้ก่อน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเช่นกัน เช่น กรณีใช้อาวุธปืน ศพที่ถูกข่มขืนและฆ่า ฯลฯ จนกว่าการตรวจศพอย่างละเอียดเสร็จสิ้นแล้ว
5.หลังเคลื่อนย้ายศพแล้ว ให้ประมาณปริมาณเลือดในที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง
7.ถ้าศพพบที่กลางแจ้งการตรวจที่เกิดเหตุต้องรีบทำเพราะพยานหลักฐานต่างๆอาจ จะถูก ลบเลือนได้ง่ายจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศเช่น ลม ฝน หิมะ ฯลฯ
ตอบ สิ่งที่ปรากฏในสถานที่เกิดเหตุ (Scene Marker) เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมเช่น คราบเลือด น้ำลาย ก้นบุหรี่ เศษผ้า ฯลฯ ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดสามารถช่วยบอกระยะเวลาการตายของผู้ตายได้เป็นอย่างดี และเป็นหลักฐานสำคัญแก่พนักงานสอบสวนในการนำไปสู่ตัวคนร้าย
ตอบ หมายถึงพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวกับคดี จะเป็นอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ศพ รถ เศษผ้า กลิ่นน้ำหอม กลิ่นสารเคมี ภาพวิดีโอ ฯลฯ
ตอบ 1.พยานทางฟิสิกส์เป็นเครื่องช่วยชี้ว่ามีการก่ออาชญากรรมแน่นอน เช่น ผู้เสียหายแจ้งว่าถูกข่มขืน และตรวจพบว่าผู้เสียหายมีเสื้อผ้าฉีกขาดมีแผลช้ำตามร่างกายหลายแห่งน่าจะ แสดงว่ามีการก่ออาชญากรรมขึ้นแล้วจริงมิใช่เป็นการกล่าวหาลอยๆ หรือเจตนาใส่ร้าย
2.พยานทางฟิสิกส์สามารถชี้ว่าผู้ต้องสงสัยได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เช่นตรวจได้ขนแมวที่ขากางเกงของผู้ต้องสงสัยที่ผู้ต้องสงสัยอธิบายที่มาไม่ ได้และบ้านที่ผู้เสียหายถูกข่มขืนเลี้ยงแมวไว้2ตัว
3.พยานทางฟิสิกส์ที่ชี้ว่าบุคคลนั้นเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น เช่น พบลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องสงสัยในด้านในของถุงมือที่ถอดทิ้งไว้ในบ้านที่ถูก โจรกรรม
4.พยานทางฟิสิกส์สามารถกันผู้บริสุทธิ์ออกไป เช่น เด็กหญิง2คนพี่น้องกล่าวหาว่าผู้ต้องสงสัยวางยาแล้วทำมิดีมิร้าย แต่การตรวจทั้งเลือดและปัสสาวะของเด็กแล้วไม่พบสารใดใด
5.พยานทางฟิสิกส์สามารถยืนยันคำให้การของผู้เสียหาย เช่น ผู้เสียหายอ้างว่าถูกผู้ต้องสงสัยแทงมือ ผู้เสียหายจึงเอามือที่เลือดออกป้ายไปบนแขนเสื้อของผู้ต้องสงสัย จากการตรวจพบว่าคราบเลือดบนแขนเสื้อของผู้ต้องสงสัยเป็นเลือดของผู้เสียหาย จริง
6.ผู้ต้องสงสัยที่ถูกยันด้วยพยานทางฟิสิกส์อาจจะสารภาพ เช่น คดีเจนจิรา เมื่อพิสูจน์ได้ว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะถูกยิง ในขณะที่ผู้ต้องหาให้การกับตำรวจก่อนหน้านี้ว่าฆ่าโดยการบีบคอ ผู้ต้องหาจึงสารภาพ
7.พยานทางฟิสิกส์มีค่ามากกว่าประจักษ์พยานเพราะเคยมีการทดลองแล้วพบว่า ประจักษ์พยานอาจให้การคลาดเคลื่อนไปได้ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน หรือ เป็นปี
8.พยานทางฟิสิกส์ได้รับความเชื่อถือจากศาลมากขึ้นเรื่อยๆ
9.ลูกขุน(ในระบบศาลลูกขุน)ก็ต้องการพยานทางฟิสิกส์
10.การไม่พบพยานทางฟิสิกส์ช่วยยืนยันว่าไม่มีอาชญากรรม เช่น แจ้งว่าถูกลักทรัพย์แต่ตรวจแล้วไม่มีร่องรอยงัดแงะและทรัพย์ที่ว่ายังอยู่
เพิ่มเติมได้ที่นี่
หน้าที่เข้าชม | 951,123 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 724,595 ครั้ง |
เปิดร้าน | 21 ก.พ. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |